รากฟันเทียม

ส่วนประกอบของรากฟันเทียม

รากฟันเทียมประกอบด้วยสองส่วนคือ
1.รากฟันเทียม มีลักษณะคล้ายสกรู หรือ คล้ายรากฟันธรรมชาติ ทำจากไทเทเนียม ,เซอร์โคเนียม หรือวัสดุไทเทเนียมอัลลอยด์ มีความเข้ากันได้ดีกับร่างกาย เกิดการต่อต้านน้อย และมีความแข็งแรงสูงมาก ส่วนนี้จะผ่าตัดเพื่อฝังในกระดูกขากรรไกรเพื่อใช้เป็นหลักในการต่อกับครอบฟัน หรือยึดฟันปลอม

2.Abutment เป็นส่วนที่เชื่อมต่อจากรากฟันเทียม เพื่อยึดกับครอบฟัน สะพานฟัน หรือฟันปลอม

ขั้นตอนการรักษา

ระยะเวลาการรักษา ขึ้นกับสภาวะของคนไข้ ได้แก่เหงือก กระดูก ความแข็งแรงของร่างกาย

ในบางกรณีสามารถใส่ฟันได้เลย ในบางกรณีต้องรอเป็นเวลาสามถึงหกเดือนก่อนจะใส่ฟัน

โดยมาตรฐาน การใส่ฟันรากฟันเทียมมีขั้นตอนดังนี้

1. การวางแผนการรักษา
   ​พบแพทย์เพื่อตรวจ เพื่อประเมินและวางแผนการรักษา โดยจะประเมินปัจจัยที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นคู่สบ ความกว้าง ความหนาเหงือก โรคประจำตัว ฯลฯ เพื่อที่จะเลือกวิธีที่เหมาะที่สุด
   - ถ่ายภาพ X-ray CBCT สามมิติ การทำรากฟันเทียม มีความจำเป็นต้องถ่ายภาพรังสีสามมิติ เพื่อใช้ในการวางแผนที่รัดกุม เพื่อให้ได้รากฟันเทียมในตำแหน่งที่ดีที่สุด และปลอดภัยต่ออวัยวะข้างเคียง
   - ออกแบบด้วย Digital software(ใช้บางกรณี ไม่จำเป็นต้องทำทุกเคส) ในเคสที่ต้องทำการออกแบบในคอมพิวเตอร์ (Computer guided implant design) เพื่อกำหนดตำแหน่งรากเทียมในคอมพิวเตอร์ แล้วจึงถ่ายทอดตำแหน่งนั้นผ่าน STENT ในการผ่าตัด 

2. ปลูกกระดูกหรือเหงือก (กรณีคนไข้ที่กระดูกและ/หรือเหงือกไม่เพียงพอ) ไม่จำเป็นต้องทำทุกเคส ทำในกรณีที่คนไข้มีกระดูกหรือเหงือกไม่เพียงพอที่ในการรับรากฟันเทียม จึงต้องเตรียมสภาวะให้พร้อมก่อนเพื่อความแข็งแรงในระยะยาว โดยปกติรอประมาณสามถึงหกเดือนก่อนจะสามารถใส่รากฟันเทียม

3. ใส่รากฟันเทียม 
   เป็นการผ่าตัดเล็กภายใต้ยาชาเฉพาะที่ โดยจะใส่รากฟันเทียมในตำแหน่งที่วางแผนไว้ จากนั้นรอสามถึงหกเดือน

4. พิมพ์ปาก
   หลังจากประเมิน ถ้ารากฟันเทียมและเหงือกยึดติดกับกระดูกขากรรไกรแล้ว จะพิมพ์ปาก โดยใช้แสกนระบบสามมิติ  หรือพิมพ์ด้วยวัสดุพิมปาก จากนั้นจะส่งไปที่แลปเพื่อทำครอบฟัน สะพานฟัน หรือฟันปลอม

5. ใส่ฟัน​
   หลังจากที่ได้ครอบฟัน หรือฟันปลอม ทันตแพทย์จะปรับแต่ง ใส่ยึดกับรากฟันเทียม

6. การดูแลรักษา
   ทำความสะอาดเหมือนฟันธรรมชาติ และมาพบทันตแพทย์ทุกหกเดือน